Brahms โดดเด่นใน รูปแบบ Intermezzo, Capriccio,
Rhapsody
Chopin เป็นผู้พัฒนา Nocturne, Ballade, Scherzo,
Etude และ Prelude
Schubert เป็นต้นแบบของ Impromptu, Moment music
Schumann โดดเด่นใน Piano cycle, Klavierstucke,
Novelletten, Romanze
Dvorak เป็นผู้นำเสนอในรูปแบบเล็กๆของ Silhouette,
Humoresque, Poetic tone picture
Grieg นำเสนอเพลงชุดเปียโนภายใต้ชื่อ Lyric pieces
Mendelssohn นำเสนอเพลงชุดเปียโนภายใต้ชื่อ Song
without words
ประเภทของผลงาน Character Piece
Arabesque เป็นรูปแบบเพลง ที่เน้นการกระจายพลิ้วไหวของท่วงทำนองและองค์ประกอบต่างๆในเพลง
ให้แสดงลีลาอันอ่อนโยนและอารมณ์, Arabesque ของ Schumann เป็นตัวอย่างที่ดี
Ballade ใน ศ. ที่ 19 คำๆนี้ใช้แสดงความหมายของโคลงกลอนเล่าเรื่อง
(narrative poem) ซึ่งมีหัวข้อเด่นเฉพาะเรื่อง เรื่องลึกลับ หรือเรื่องเศร้าเสียใจ
รูปแบบ (form) มีความกระชับ เนื้อหา (structure) หนักไปในลักษณะแห่งบทละคร (dramatic)หลักของความตัดกัน(contrast)
ถูกเอาออกมาใช้ได้ผลอย่างมาก Chopin ให้ความหมายของ Ballade ในลักษณะของเพลงท่อนเดี่ยวที่ถูกขยายขนาด
extended single-movement สำหรับเปียโน Ballade และ Rhapsody บางครั้งก็มีการแบ่งแยกที่คลุมเครือ
Chopin และ Brahms เป็นตัวอย่างของบทเพลงประเภทนี้
Barcarolle เป็นเพลงล่องเรือ ซึ่งมีต้นกำเนิดจากเรือ
gondola ในเมือง Venice มีจังหวะที่ให้อารมณ์แกว่งไกว (swing) ซึ่งมักจะอยู่ระบบจังหวะ
compound time, Chopin เป็นตัวอย่างที่ดี
Berceuse เป็นเพลงขับกล่อม (Lullaby) ตัวอย่างที่ดีคือ
Berceuse ของ Chopin
Capriccio ประกอบด้วยจังหวะที่สนุกสนาน และอารมณ์ที่ตื่นตัว
ฉับไว มีความหลากหลายย่อยที่แตกออกไปได้หลายลักษณะ ,Brahms และ Mendelssohn เป็นตัวอย่างที่ดี
Etude (หรือ Study) เป็นบทประพันธ์เพื่อการพัฒนาทักษะฝีมือการเล่นโดยเฉพาะ
คีตกวีหลายคนได้พัฒนา form นี้ให้เป็นบทเพลงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ได้แก่ Paganini,
Chopin, Liszt และ Debussy
Fantasia (หรือ Fantaisie) โครงสร้างของ form ชนิดนี้ค่อนข้างปล่อยอิสระ
ไม่เคร่งครัด เพื่อเปิดโอกาสให้แสดงอารมณ์ความรู้สึก และไม่ต้องคำนึงถึงสมดุลย์เหมือนใน
Classical form โดย Bach เป็นผู้ริเริ่ม ต่อมาด้วย Mozart และต่อมาคีตกวีที่เกี่ยวพันกับรูปแบบนี้ในยุคโรแมนติคคือ
Schubert, Chopin และ Schumann
Impromptu เป็นผลงานสั้นๆที่ บรรเลงคล้ายด้นสด (improvise)
แนวทำนองไม่สู้จะมีความสำคัญเท่าใด Impromptu ของ Schubert เป็นตัวอย่างที่ดี
Intermezzo ความหมายเดิมคือการแสดงเบาๆคั่นระหว่างช่วง
drama และ opera มักจะมีอัตราจังหวะปานกลางและพิถีพิถัน อีกความหมายหนึ่งเป็น concert
piece ที่เป็น single-movement สำหรับ piano ซึ่งมีลีลาสงวนท่าทีในการแสดงความรู้สึก
ทำนองทั้งหมดจะพยายามไม่ให้ออกนอกขอบเขตของความเบาสบายและอารมณ์อันสงบเงียบ ซึ่งโดยปกติ
Intermezzo มักจะหลีกเลี่ยงความแตกต่างของน้ำหนักและอารมณ์ที่มากเกินอยู่แล้ว Brahms
เป็นต้นแบบและแบบอย่างที่ดี
Moment Music เป็นบทเพลงบรรเลงคั่นระหว่างช่วงเวลา
ไม่เน้นเนื้อหาสาระ และไม่นิยมความซับซ้อนทั้ง form และ harmony คีตกวีที่มีผลงานประเภทนี้คือ
Schubert, Rachmaninoff
Nocturne เป็นผลงานบรรเลงแสดงบรรยากาศยามค่ำคืน
(night-piece) โดย John Field เป็นผู้ริเริ่ม และต่อมา Chopin พัฒนาและดัดแปลง
เป็น form ที่ใช้สำหรับเปียนโน ลักษณะเด่นคือ melody มีลักษณะเพลงร้อง (cantabile)
และจะถูกประดับประดาด้วย ornament แบบต่างๆ และในส่วนของ accompamiment มักเป็นการกระจายของ
arpeggio หรือ chord ซึ่ง texture แบบนี้ก็พัฒนามาจาก alberti bass คุณสมบัติต่างๆนี้ได้ส่งให้เพลงมีลักษณะเป็นเหมือนบทร้อยกรอง
(lyrical) คำว่า nocturne อาจมีที่มาจากคำว่า notturno ซึ่งเป็น serenade ชนิดหนึ่งในอิตาลี
ซึ่งมีหลาย movement สำหรับ chamber ensemble ในสมัยก่อน
Prelude เป็นเสมือนบทนำ คีตกวีที่เป็นต้นแบบคือ Bach
(Prelude and Fugue ทั้ง 24 บท) และสำหรับยุคโรแมนติค prelude ของ Chopin (24 บท)
ถือว่าไม่มีใครเทียบ
Rhapsodie ความหมายทั่วไปคือ classical poetry จะให้อารมณ์ที่จริงจังและแฝงด้วยพลังกว่า
บางครั้งถูกนำไปผสมกับเพลงพื้นเมือง เช่น Hungarian Rhapsody ของ Liszt
Romance เป็นรูปแบบสั้นๆของดนตรีที่แสดงห้วงอารมณ์อ่อนหวาน
หรือเกี่ยวกับความรัก เช่น Romance ของ Schumann, Brahms
Scherzo เป็นภาษาอิตาเลียน เป็น form เพลงที่สื่อแสดงถึงอารมณ์ตลก
ล้อเลียน อากัปกิริยาเคลื่อนไหว มักอยู่ในอัตราจังหวะ triple ซึ่งรวดเร็ว Scherzo
พัฒนามาจากอารมณ์ร่าเริงของ minuet คำๆนี้ยังใช้เป็น movement ใน sonata และ symphony
โดย Beethoven ตั้งแต่ครึ่งหลังของ ศ.ที่ 19 ในงาน orchestra ของ Bruckner, Mahler,
Sibelius, Walton และสำหรับ piano คือ Scherzo ของ Chopin ทั้ง 4 บท
Serenade เป็นบทเพลงบรรเลงยามเย็น ให้อารมณ์สบายๆดำเนินไปเรื่อยๆ
Toccata เป็นแนวเพลงของการแสดงเทคนิค และวาดลวดลายในฝีมือ
ใช้โน้ตถี่ เน้นไปที่การไล่โน้ตขึ้นๆลงๆอย่างโลดโผน
Piano Cycle เป็นบทเพลงสั้นๆที่แต่งและรวบรวมไว้เป็นชุด
ตั้งแต่ 4-5 เพลงไปจนถึง 40 กว่าเพลง โดยที่โครงสร้างและ form ของแต่ละเพลงสั้นๆนั้น
เริ่มขึ้นและจบลงในตัวเอง อาจจะมีพัฒนาข้ามเพลงไปท่อนอื่น ตัวอย่างของ Piano Cycle
คือ Song without word ของ Mendelssohn, Lyric Pieces ของ Grieg ในการแสดง Piano
Cycle ต้องแสดงทั้งชุด ไม่ควรจะเลือกมาเฉพาะเพลง เพราะเนื้อหาเรื่องราว ตลอดจวัตถุดิบที่ใช้
ถือว่าต่อเนื่องเป็นหนึ่งเดียว